google.com, pub-7210489494173388, DIRECT, f08c47fec0942fa0 อุตรดิตถ์เมืองงาม

12.14.2553

วัดพระแท่นศิลาอาสน์

วัดพระแท่นศิลาอาสน์
     วัดพระแท่นศิลาอาสน์อยู่ทางทิศตะวันตกของวัดพระยืนพุทธบาทยุคล มีอาณาเขตติดต่อกัน เชื่อกันมาว่าแต่โบราณว่าพระพุทธเจ้าได้ประทับนั่งเพื่อบำเพ็ญอธิษฐานพระบารมี ณ แท่นศิลาแลงแห่งนี้ สำหรับพระแท่นเป็นศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 8 ฟุต ยาว 9 ฟุต 8 นิ้ว สูง 3 ฟุต มีมณฑปครอบอยู่ในวิหาร ตัววิหารมีกำแพงล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน
วัดพระแท่นศิลาอาสน์ และ มณฑป

     วัดพระแท่นศิลาอาสน์สันนิษฐานว่าเป็นวัดเก่าแก่สมัยสุโขทัยคู่มากับเมืองทุ่งยั้ง แต่เพิ่งจะมาเลื่อมใสกันมากในสมัยอยุธยา ดังพระนิพนธ์ว่า"...........ปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารในแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ เมื่อพ.ศ.2283 ได้เสด็จขึ้นไปนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ และครั้งนั้นได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์มหาเจดีย์สถาน ณ ที่ต่างๆตามหัวเมืองเหนือ แต่พระแท่นศิลาอาสน์คงเป็นที่น่านับถือของมหาชนว่าเป็นมหาเจดีย์สถานมาก่อนรัชกาลพระเจ้าบรมโกศแล้วจึงได้เสด็จไปนมัสการในวิหารยังมี "ธรรมมาสน์"สมัยอยุธยาอยู่อีก 1 ชิ้น ตัว"ธรรมมาสน์"สลักเป็นลายกระจังใบเทศ 3 ชั้น ลงรักปิดทอง ลักษณะอ่อนช้อยงดงามมาก

หลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน

หลวงพ่อเพชร
     หลวงพ่อเพชรเป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ศิลปเชียงแสน หน้าตักกว้าง 32 นิ้ว ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าถนน(เดิมชื่อวัดวังเตาหม้อ)
     ใน พ.ศ.2436 หลวงพ่อด้วง เจ้าอาวาสวัดหมอนไม้ ขณะเดินทางกลับจากรับนิมนต์ ไปทำบรรพชาที่วัดสว่างอารมณ์ ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ได้ผ่านวัดสะแกซึ่งเป็นวัดร้าง พบเนินดินเป็นจอมปลวกขนาดใหญ่มีเกศพระพุทธรูปโผล่ขึ้นมา เมื่อขุดดินออกพบว่าเป็นพระพุทธรูปสำริดมีพุทธลักษณะงดงาม หลวงพ่อด้วงจึงนำพระพุทธรูปดังกล่าวมาประดิษฐไว้ที่วัดท่าถนน ในตัวเมืองอุตรดิตถ์ มีผู้คนมากราบไหว้บูชาเป็นจำนวนมากประกอบกับเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิเพชร คนทั่วไปจึงเรียกกันว่า"หลวงพ่อเพชร"

     เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างวัดเบญจมบพิตรขึ้นและทรงให้บรรดาหัวเมืองเหนือจัดหาพระพุทธรูปหล่อส่งไปประดับที่พระระเบียงวัดเบญจมบพิตร หลวงพ่อเพชรก็ถูกส่งไปด้วยแต่ก่อนนำไปส่ง ทางวัดได้หล่อพระพุทธรูปจำลองลักษณะเดียวกันกับหลวงพ่อเพชรขึ้นเพื่อเป็นองค์แทน หลวงพ่อเพชรประดิษฐานอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรเป็นเวลา 10 ปี จึงได้นำกลับมาประดิษฐานไว้ที่วัดท่าถนนตามเดิม ดังข้อความซึ่งปรากฏอยู่ที่ฐานของพระพุทธรูป"หลวงพ่อเพชร"ว่า"พระพุทธรูปองค์นี้ เมื่อ ร.ศ.119 พระจุลจอมเกล้ารัชกาลที่ 5 ได้อัญเชิญจากวัดท่าถนนไปไว้วัดเบญจมบพิตร ครั้น ร.ศ.129 หลวงนฤบาล(จะพันยา)อัญเชิญกลับมาไว้วัดท่าถนน

12.13.2553

อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก

Phraya Pichai Daphak(The Man who broke his sword during the fight)
อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก สร้างเสร็จและทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2512 เวลา 13.15 น. เพื่อเป็นเกียรติประวัติของท่านและเป็นความภูมิใจของชาวอุตรดิตถ์ ในความองอาจกล้าหาญ รักชาติ เสียสละ และความกตัญญูกตเวที อนุสาวรีย์ประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์
...........ครั้นเสร็จศึกจากการปราบก๊กเจ้าพระฝางได้แล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ได้ทรงปูนบำเหน็จความชอบให้ทะแกล้วทหารของพระองค์ทั่วถึงกัน สำหรับพระยาสีหราชเดโช(จ้อย หรือ ทองดี ฟันขาว) นั้น โปรดเกล้าฯบำเหน็จความชอบให้เป็นพระยาพิชัย ปกครองเมืองพิชัยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนแต่เยาว์วัยมา ให้มีอำนาจประหารผู้กระทำผิดได้เพราะเมืองพิชัยเป็นเมืองหน้าด่าน ต้องมีการบังคับบัญชาที่เด็ดขาด ซึ่งในเวลานั้นพม่ากำลังมีอำนาจครอบครองอยู่ทั่วลานนา
          เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้ว พระองค์เจ้าเสด็จกลับกรุงธนบุรี แต่ก่อนจาก ทรงเรียกหาพระยาพิชัยให้เข้าเฝ้าโดยเฉพาะ ทรงรับสั่งอาลัยในมหาดเล็กข้าหลวงเดิมของพระองค์ ตั้งแต่ครั้งพระองค์เป็นเจ้าเมืองตากและได้เป็นคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขอาบเหงื่อต่างน้ำมาราชการสงคราม ยังไม่เคยห่างไกลจากพระองค์แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเปรียบประดุจพระยาพิชัยเป็นโล่ห์คอยกำบังอาวุธนานาชนิดที่จะมาต้องพระองค์ และในครั้งนี้ต้องจากกันเพราะพระราชประสงค์จะให้พระยาพิชัยเป็นป้อมปราการยันพม่าที่เมืองพิชัยนี้...................
          พระเจ้าตากสินมหาราชทรงใช้เมืองพิชัยเป็นที่รวมพลถึงสองครั้งคือ ในปีพ.ศ. 2313 และ2314 และในปีพ.ศ.2315 พม่ายกกำลังมาตีเมืองพิชัยแต่ไม่สามารถตีได้ พม่ายกกองทัพมาตีเมืองพิชัยอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2316 เจ้าพระยาสุรสีห์และพระยาพิชัยยกกองทัพไปสกัดทัพพม่าแตกกลับไป การรบในครั้งนี้ ดาบคู่มือของพระยาพิชัยได้หักไปหนึ่งเล่ม แต่พระยาพิชัยก็ยังคงสู้รบกับพม่าจนได้รับชัยชนะด้วยดาบดีเล่มหนึ่งกับดาบหักอีกเล่มหนึ่ง ด้วยวีรกรรมในครั้งนี้ พระยาพิชัยจึงได้สมญานามว่า"พระยาพิชัยดาบหัก"มาจนถึงปัจจุบันนี้
          เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ.2317 พระยาพิชัยก็คงอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของกองทัพจนกระทั่งฝ่ายไทยยึดเมืองเชียงใหม่ได้ จึงเป็นอันว่าหัวเมืองฝ่ายเหนือตกเป็นของไทยมาตั้งแต่บัดนั้น

12.12.2553

วนอุทยานต้นสักใหญ่

ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลก
วนอุทยานต้นสักใหญ่ อยู่ที่บ้านปางเกลือ ตำบล น้ำไคร้ อำเภอน้ำปาด ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 53 กิโลเมตร มีอาณาเขตประมาณ 20,000 ไร่ ประกอบด้วยไม้เบญจพรรณและที่สำคัญวนอุทยานแห่งนี้มีต้นสักที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ มีความสูงถึง 47 เมตร วัดรอบต้นได้ 9.58 เมตร มีอายุราว 1,500 ปี โดยอาศัยการเทียบเคียงขนาดและจำนวนปีจากตอไม้สักบริเวณใกล้เคียง ปัจจุบันเหลือความสูงประมาณ 37 เมตร เนื่องจากส่วนยอดถูกลมพายุพัดหักแต่ลำต้นทั่วไปยังคงอยู่ในสภาพที่ดี

11.10.2553

ตักบาตรเทโว



ตักบาตรเทโว วัดท่าถนน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 24 ต.ค.2553
ตักบาตรเทโว หมายถึงการทำบุญตักบาตรในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก คำว่า เทโว เรียกกร่อนมาจากคำว่า เทโวโรหนะ (เทว+โอโรหน) ซึ่งแปลว่า การเสด็จลงจากเทวโลก
นางฟ้าจากโรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี


ความเดิมมีว่า ในพรรษาที่ 7 นับแต่วันตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศน์โปรดพระพุทธมารดา ที่ได้กำเนิดเป็นเทพบุตรอยู่ในชั้นดุสิต จนบรรลุโสดาปัตติผล ครั้นออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 แล้ว จึงเสด็จลงจากเทวโลกที่เมืองสังกัสสนคร ในกาลที่เสด็จลงจากเทวโลก ได้มีเนินเป็นอันเดียวกันจนถึงพรหมโลก เมื่อทรงแลดูข้างล่าง สถานที่นั้นก็มีเนินอันเดียวกันจนถึงอเวจีมหานรก ทรงแลดูทิศใหญ่และทิศเฉียง จักรวาลหลายแสนก็มีเนินเป็นอันเดียวกัน เทวดาก็เห็นพวกมนุษย์ แม้พวกมนุษย์ก็เห็นเทวดา สัตว์นรกก็เห็นมนุษย์และเทวดา ต่างก็เห็นกันเฉพาะหน้าทีเดียว ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงเปล่งฉัพพรรณรังสี ขณะที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


รุ่งขึ้นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ชาวเมืองจึงพากันทำบุญตักบาตรเป็นการใหญ่ เพราะไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้ามาถึง 3 เดือน การทำบุญตักบาตรในวันนั้นจึงได้ชื่อว่า ตักบาตรเทโวโรหนะ ต่อมามีการเรียกกร่อนไปเหลือเพียง ตักบาตรเทโว


11.09.2553

รวมน้ำใจชาวเมือง ช่วยชาวสวนลางสาด

ร่วมด้วยช่วยกัน
เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ต.ค.2553 - จนถึงปัจจุบัน ห้างฟรายเดย์สรรพสินค้าได้ร่วมกับ ส.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ และ ส.ส.ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ได้จัดงาน"รวมน้ำใจชาวเมือง ช่วยชาวสวนลางสาด"เพื่อช่วยชาวสวนลางสาดจาก อำเภอลับแล,อำเภอเมือง(ต.น้ำริด,ต.บ้านด่านนาขาม) จ.อุตรดิตถ์ เนื่องจากปีนี้ผลผลิตลางสาดออกมาจำนวนมากจนทำให้ราคา ลางสาด ตกต่ำ ทางห้างฟรายเดย์ฯและ ส.ส.ช่วยรับซื้อ ลางสาด จากชาวสวนในราคากิโลกรัมละ 5 บาทและก็ขายในราคากิโลกรัมละ 5 บาท ประชาชนภายในจังหวัดและต่างจังหวัดช่วยกันซื้อหมดทุกวันเป็นเวลาร่วม 1 เดือนแล้ว เพื่ออนุรักษ์ผลไม้ลางสาดให้ยังคงอยู่กับจังหวัดอุตรดิตถ์ต่อไป(เพราะปัจจุบันชาวสวนลางสาดได้ทาบกิ่งเป็นลองกองกันเป็นจำนวนมาก)และในอนาคตคำขวัญของจังหวัดอุตรดิตถ์จะมีคำว่า"เมืองลางสาดหวาน"อีกหรือไม่
เมืองลางสาดหวาน
ลางสาดหวาน มากมาย

กำลังรับซื้อจากชาวสวน
แบ่งขายเป็นถุงและขายยกเข่ง

6.17.2553

ทุเรียน อำเภอลับแล



ผลไม้ตามฤดูกาลช่วงนี้ของจังหวัดอุตรดิตถ์ คงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก ทุเรียนที่อำเภอลับแล เมื่อก่อนขึ้นชื่อเรื่องทุเรียนพื้นเมืองเป็นอย่างมากเพราะราคาถูกแต่เนื้อบาง รสหวาน แกะเปลือกง่าย ปัจจุบันนี้ที่ลับแลได้ค้นพบทุเรียนพื้นเมืองอีกเมื่อหลายปีก่อนและได้ตั้งชื่อตามผู้ค้นพบก็คือ หลงลับแล,หลินลับแล ลักษณะทุเรียนลูกเล็ก เนื้อเยอะ เม็ดเล็กนิดเดียว รสหวาน ลูกนึงก็ตกประมาณเกือบร้อยบาท ตอนนี้หลงลับแล,หลินลับแล มีชื่อเสียงมากและตอนนี้ที่ลับแลก็สามารถปลูกพันธุ์ หมอนทอง,ชะนี ได้แล้ว ถ้าใครไปไม่ถึง ต.หัวดง อ.ลับแล ก็ไปหาซื้อได้ที่นี่ได้เลย ถนนฤดีเปรม ช่วงกลางคืนก็ยังมีขาย 

6.01.2553

เทศกาลมหัศจรรย์ผลไม้ อุตรดิตถ์

จังหวัดอุตรดิตถ์ และ ททท.สำนักงานแพร่ เชิญสัมผัส เทศกาลมหัศจรรย์ผลไม้ อุตรดิตถ์ ประจำปี 2553 VISIT UTTARADIT IN GREEN SEASON 

นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานแพร่ เปิดเผยเกี่ยวกับการกำหนดจัดงานเทศกาลมหัศจรรย์ อุตรดิตถ์ ประจำปี 2553 ว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดงานเทศกาลมหัศจรรย์ อุตรดิตถ์ ประจำปี 2553 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กันยายน ตลอด 4 เดือน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์และเพื่อส่งเสริมด้านการตลาด แก่เกษตรกร โดยได้กำหนดจัดงานดังนี้ คือ งานเทศกาลทุเรียนและผลไม้เมืองลับแล ประจำปี 2553 ระหว่างวันที่ 2-6 มิถุนายน 2553 ที่บริเวณตลาดกลางจำหน่ายผลไม้เทศบาลตำบลหัวดง อ.ลับแล และงานพิธีบายศรีสู่ขวัญ วันผลไม้ ประจำปี 2553
วันที่ 6 มิถุนายน 2553 ที่บริเวณม่อนจำศีล ต,ฝายหลวง อ.ลับแล ตลอดทั้ง 4 เดือน นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อผลไม้นานาชนิดในจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ในราคาที่ย่อมเยา

5.17.2553

The Garden Pub & Restaurant

The Garden Pub & Restaurant(เดอะการ์เด้นท์ผับแอนด์เรสโทรองต์) ตั้งอยู่บนชั้น 5 โรงแรมฟรายเดย์ หรูหรา บรรยากาศดี ฟังดนตรีวงใหญ่ BIG BOY BRAND โชว์เพลงยุค 70 เพลงสตริงฮิตทั้งเก่าและใหม่เต็มอิ่มกับรสชาติอาหารที่มีให้เลือกสรร ไทย จีน ยุโรป และอาหารญี่ปุ่น พร้อมการบริการที่สุภาพและเป็นกันเอง

WING-ON KARAOKE

วันนี้ขอแนะนำคาราโอเกะที่ทันสมัยที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ วิง-ออน คาราโอเกะ อยู่บนชั้น 5 โรงแรมฟรายเดย์ สร้างแรงบันดาลใจด้วยเสียงเพลงในตัวคุณ ห้องร้องเพลงระดับ VIP หลากหลายสไตล์ ตกแต่งอย่างสวยหรู จัดแต่งแบบทันสมัย,สไตล์ญี่ปุ่น พิเศษสุดกับห้องคาราโอเกะที่รองรับลูกค้าได้มากกว่า 25 ท่าน เหมาะกับการจัดเลี้ยง เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี่ ระบบเสียงคุณภาพเยี่ยม โปรแกรมเลือกร้องเพลงที่ทันสมัย มีเพลงให้คุณเลือกร้องมากกว่า 30,000 เพลง
เต็มเปี่ยมกับการต้อนรับและการบริการที่แสนประทับใจจากโฮสเตสสาวสวยและพนักงานมืออาชีพ เปิดบริการตั้งแต่ 20.00 น.

โพสต์แนะนำ

ที่พักในจังหวัดอุตรดิตถ์

ที่พักใน จังหวัดอุตรดิตถ์ อุตรดิตถ์         แนะนำที่พักจากทั่วเมือง ตั้งแต่โรงแรม,รีสอร์ท จนถึงเกสต์เฮาส์ เพื่อตอบสนองทุกความต้องก...