9.23.2558
9.22.2558
ร้านอาหารในจังหวัดอุตรดิตถ์
ร้านอาหาร
Restaurant3.ร้านศรีวัยข้าวมันไก่ 161/2 ถ.บรมอาสน์ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 0 55414 121
5.ร้านปั๊กเป้า 464 ถ.สายเขื่อนสิริกิติ์-ปากฝาง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 0 55413 364
6.ร้านแม่วิมล ถ.สายเขื่อนสิริกิติ์-ปากฝาง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
7.ร้านกุ๊กป๋อง ถ.เจษฎาบดินทร์ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 0 55416 004
8.ร้านตากะยาย ตลาดคลองโพ ถ.บรมอาสน์ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
9.ร้านตักเงิน ถ.พาดวารี(สาขา 1)ถ.ศรีชาววัง(สาขา 2) อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
10.ร้านอาหารนิวยอร์ค NEWYORK อเมริกัน เยอรมันและอาหารไทย ถ.บรมอาสน์ ซ.ร้านศรีชัยยนต์การ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
9.21.2558
COFFEE & BAKERY
แนะนำ>>ร้านกาแฟและเบเกอรี่...มีน้ำผลไม้ เครื่องดื่ม ชากาแฟ,เบเกอรี่ เค้ก อร่อยมากๆที่สุดร้านหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์
บรรยากาศ>>ภายในร้านสวยงาม ร่มรื่น มีบริการอินเตอร์น็ต
เหมาะสำหรับ>>พบปะเพื่อนฝูง สังสรรค์,เลี้ยงรับรองแขก
ที่ตั้ง>>ถ.อินใจมี ซ.3 อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 53000(ซอย 3 ตรงข้าม ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์) โทร.055-414705
บรรยากาศ>>ภายในร้านสวยงาม ร่มรื่น มีบริการอินเตอร์น็ต
เหมาะสำหรับ>>พบปะเพื่อนฝูง สังสรรค์,เลี้ยงรับรองแขก
ที่ตั้ง>>ถ.อินใจมี ซ.3 อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 53000(ซอย 3 ตรงข้าม ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์) โทร.055-414705
9.20.2558
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านได้รับการประกาศ เป็นอุทยานแห่งชาตลำดับที่ 87 เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2541 มีขนาดพื้นที่ประมาณ 999.15 ตารางกิโลเมตร (624,468 ไร่) อยู่ใน อ.เมือง จ.แพร่ และ อ.ท่าปลา อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา ป่าจริม ป่าน้ำปาด ป่าแม่แคม ป่าแม่ก๋อนและป่าแม่สาย ก่อนยกฐานะเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์และรักษาสภาพแวดล้อม ด้วยสภาพที่มีทั้งพื้นป่าสมบูรณ์และอ่างเก็บน้ำ น้ำอยู่ในพื้นที่เดียวกันทำให้อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านมีสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามหลากหลายทั้งน้ำตก ภูเขา ตลอดจนทิวทัศน์เหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน หมูู่ที่ 8 ตำบลผาเลือด อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ 53190 โทรศัพท์ : 055 436751,08 5049 4164 Email : reserve@dnp.go.th จองบ้านพักอุทยาน
http://www.dnp.go.th/parkreserve/9.19.2558
จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ (Phu Doo International Point Of Entry)
จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ (Phu Doo International Point Of Entry) ตั้งอยู่ที่ บ้านภูดู่ หมู่ที่ 2 ตำบลม่วงเจ็ดต้น อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ฝั่งตรงข้ามติดต่อกับด่านท้องถิ่นผาแก้ว บ้านผาแก้ว เมืองปากลาย แขวงไชยบุรี ประเทศลาว เดิมมีฐานะเป็นเพียงจุดผ่อนปรนชั่วคราวซึ่งเปิดในวันศุกร์และวันเสาร์ แต่ปัจจุบันทางคณะรัฐมนตรีได้ยกระดับช่องภูดู่ให้เป็นจุดผ่อนปรนถาวรช่องภูดู่ อุตรดิตถ์ จึงเป็นเส้นผ่านทางอีกแห่งใรอินโดจีนของกลุ่มอินโดจีน วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2556 กระทรวงมหาดไทยประกาศยกระดับขึ้นเป็นจุดผ่านแดนถาวรภู่ดู่
ประวัติ
ด่านภูดู่ในอดีต คือ เส้นทางคมนาคมระหว่างกรุงสุโขทัย กับกรุงศรีสัตนาคนหุต (ประเทศลาว) โดยการเดินทางได้ปรากฎในศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่มีตัวอักษรจารึกไว้ว่า "การเดินทางไปยังอาณาจักรล้านช้างต้องใช้เมืองสวางคบุรีเป็น ทางผ่านในการขนส่งสินค้าจากกรุงสุโขทัยไปยังล้านช้าง" ซึ่งจากคำจารึกนี้ สามารถบอกได้ว่าอุตรดิตถ์นั้น เดิมเป็นทางผ่านจากกรุงสุโขทัยไปยังล้านช้าง เมืองสวงาคบุรีที่กล่าวถึง คือ เมือง เมืองหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ มีหลักฐานบางอย่างกล่าวว่าเป็นเมืองลูกหลวงของอาณาจักรสุโขทัย แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์จะไม่ปรากฎชื่อเมืองสวางคบุรีเป็นเมืองลูกหลวง ในเชิงวิชาการสามารถอธิบายได้ว่า อุตรดิตถ์เป็นเมืองผ่านที่สำคัญในสมัยกรุงสุโขทัย เพราะการเดินทางไปยังลาวต้องใช้เส้นทางนี้ผ่านไปยังล้านช้าง คือ ด่านภูดู่ อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์
ปัจจุบันด่านถาวรภูดู่เป็นด่านชายแดน ไทย-ลาว ซึ่งก็คือจากอุตรดิตถ์ไปยังแขวงไชยบุรี ซึ่งจะทำบริเวณเป็นบริเวณติดต่อระหว่างประเทศพม่า ไปยังหลวงพระบาง ประเทสลาวและจากคุนหมิงมาไทย หรือจะเป็นเส้นทางจากฮานอย ประเทศเวียดนามมา ประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างถนนระหว่างช่องภูดู่-เมืองปากลาย ประเทศลาว รวมทั้งการเชื่อมต่อทางหมายเลข 11 ของประเทศลาวมายังจุดตัดถนน ภูดู่-ปากลาย ซึ่งเป็นระยะทางการเดินทางของประเทศไทยที่สั้นที่สุดในการเดินทางเข้าสู่ กรุงเวียงจันทน์ และเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว สำหรับด่านท้องถิ่นผาแก้วฝั่งตรงข้ามด่านถาวรภูดู่จะได้รับการยกระดับเป็น ด่านสากลเมื่อการก่อสร้างถนนบ้านผาแก้ว-ปากลายเสร็จในช่วงกลางปี 2557
การเดินทาง
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1405 (ถนนเลียบคลองชลประทาน) จากจุดตัดในเมืองอุตรดิตถ์จนถึงแยกวังสีสูบ จะมีป้ายบอกทางไปด่านภูดู่ตรงไปจะเป็นถนน 2 เลน ช่วงไหล่ระหว่างทางถึงด่านภูดู่กำลังมีการขยายถนนเป็น 4 เลน จนถึงด่านภูดู่ ฝั่งลาวสภาพถนนยังเป็นลูกรังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างถนนจากด่านภูดู่-ปากลาย แขวงไชยบุรี เพื่อเชื่อมไปยังเวียงจันทน์ ประเทศลาว
ที่มา : http://th.wikipedia.org/จุดผ่อนปรนถาวร_ช่องภูดู่
8.14.2558
พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล
LapLae Museum |
ประติมากรรมแม่ม่ายเมืองลับแล |
ตำนานเมืองลับแล
เมืองลับแลนั้นเป็นอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์
แต่เดิมคงเป็นเมืองที่การเดินทางไปมาไม่สะดวก เส้นทางคดเคี้ยว
ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า
มองไม่เห็น มีเรื่องเล่ากันว่าคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล
ประติมากรรมแม่ม่ายเมืองลับแล บริเวณประตูเมืองลับแล (ใหม่) แสดงถึงตำนานเล่าขานของเมืองลับแลอันเป็นที่เลื่องลือมาช้านาน
ตำนานนี้เล่ากันสืบมาว่า ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่ง
(น่าจะเป็นคนเมืองทุ่งยั้ง) เข้าไปในป่า ได้เห็นหญิงสาวสวยหลายคนเดินออกมา
ครั้นมาถึงชายป่า นางเหล่านั้นก็เอาใบไม้ที่ถือมาไปซ่อนไว้ในที่ต่างๆ
แล้วก็เข้าไปในเมือง ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง
ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างก็หาใบไม้ที่ตนซ่อนไว้
ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป มีหญิงสาวคนหนึ่งหาใบไม้ไม่พบ
เพราะชายหนุ่มแอบหยิบมา นางวิตกเดือดร้อนมาก
ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ
ขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลับแล หญิงสาวก็ยินยอม
นางจึงพาชายหนุ่มเข้าไปยังเมืองซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง
นางอธิบายว่าคนในหมู่บ้านล้วนมีศีลธรรม ถือวาจาสัตย์
ใครประพฤติผิดก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป ผู้ชายส่วนมากมักไม่รักษาวาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด
แล้วนางก็พาชายหนุ่มไปพบมารดาของนาง
ชายหนุ่มเกิดความรักใคร่ในตัวนางจึงขออาศัยอยู่ด้วย มารดาของหญิงสาวก็ยินยอม
แต่ให้ชายหนุ่มสัญญาว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ไม่พูดเท็จ
ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน
วันหนึ่งขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน
ชายหนุ่มผู้พ่อเลี้ยงบุตรอยู่ บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด
ผู้เป็นพ่อจึงปลอบว่า "แม่มาแล้วๆ"
มารดาของภรรยาได้ยินเข้าก็โกรธมากที่บุตรเขยพูดเท็จ
เมื่อบุตรสาวกลับมาก็บอกให้รู้เรื่อง ฝ่ายภรรยาของชายหนุ่มเสียใจมากที่สามีไม่รักษาวาจาสัตย์
นางบอกให้เขาออกจากหมู่บ้านไปเสีย
แล้วนางก็จัดหาย่ามใส่เสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้สามี
พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พาสามีไปยังชายป่า
ชี้ทางให้ แล้วนางก็กลับไปเมืองลับแล ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรก็จำต้องเดินทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้
ระหว่างทางที่เดินไปนั้น เขามีความรู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาหนักขึ้นเรื่อยๆ
และหนทางก็ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด
ครั้นเดินทางกลับไปถึงหมู่บ้านเดิม บรรดาญาติมิตรต่างก็ซักถามว่าหายไปอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลานาน
ชายหนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขาทิ้งไปเกือบหมด
เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา
ปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทองคำทั้งแท่ง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย
จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้
ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้งอกเป็นต้นไปหมดแล้ว
และเมื่อขุดดุก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทอง
แต่ไม่ใช่ทองเหมือนแง่งที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล
แต่ก็หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตามเดิม
ที่มา : https://th.wikipedia.org/WIKI/อำเภอลับแล
พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล(Laplae Museum)
ที่มา : พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
โพสต์แนะนำ
ที่พักในจังหวัดอุตรดิตถ์
ที่พักใน จังหวัดอุตรดิตถ์ อุตรดิตถ์ แนะนำที่พักจากทั่วเมือง ตั้งแต่โรงแรม,รีสอร์ท จนถึงเกสต์เฮาส์ เพื่อตอบสนองทุกความต้องก...
-
วันนี้ขอแนะนำคาราโอเกะที่ทันสมัยที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ วิง-ออน คาราโอเกะ อยู่บนชั้น 5 โรงแรมฟรายเดย์ สร้างแรงบันดาลใจด้วยเสียงเพลงในตัว...